เพื่อนๆเคยได้ยินประโยคที่ว่า...
"อดเปรี้ยวไว้กินหวาน"หรือเปล่าครับ
ผมเชื่อว่าทุกคนต้องเคยได้ยินกันจนคุ้นลิ้นชินหู...
ประโยคนี้มันหมายถึงว่า...
เราควรจะอดทนและเฝ้ารอเวลา ที่บางสิ่งบางอย่างที่เราต้องการ มันสุกงอมและหอมหวานเป็นที่สุด
แต่นั่นก็ต้องแลกมากับความทรมานที่ต้องหักห้ามใจ ไม่ให้เผลอไปเด็ดมากินเสียก่อน
เป็นอุบายของคนโบราณที่สอนให้เรารู้จักอดทน เพื่อรอเจอสื่งที่ดีกว่า...
ผมไม่อยากจะเชื่อว่า..
ในวันนี้..
แค่ประโยคเดิมๆนี้..
จะสร้างความว้าวุ่นใจให้ผมได้..
มากมายขนาดนี้
...
...
ขึ้นชื่อว่าเป็นคน..
ย่อมต้องหลากหลาย..
และแตกต่าง
ไม่งั้นคนเราก็คงเหมือนกันหมดทั้งโลก
แต่งตัวเหมือนกัน กินอาหารอย่างเดียวกัน ใช้ชีวิตเหมือนๆกัน
ผมแค่แอบคิดว่า..
ไอ้การอดเปรี้ยวไว้กินหวานนั้น..มันเป็นแนวทางที่ดีที่สุดแล้ว..
...จริงหรือ?
ถ้าเกิดมีคนบางคนกลับชื่นชมรสเปรี้ยว ที่สุดแสนจะแปร่งลิ้นนี้
เพราะว่ามันมีความตื่นเต้นมาปะปน อยู่ในรสชาติที่แสลงลิ้น
ก่อเกิดความสุขแบบใหม่ เฉกเช่นเดียวกับที่คนญี่ปุ่นนิยมกินเนื้อปลาปั๊กเป้า
เพราะตื่นเต้นดี ว่าคำต่อไปจะอยู่หรือจะตายล่ะ...
หรือ..
ถ้าบางคนไม่ได้มีเวลาหรือโอกาสมากพอที่จะรอคอยความหวานนั้นได้ล่ะ
หรือ..
ถ้าเกิดเราตั้งตารอให้ความหวาน ฉ่ำชื่นอย่างอดทนแล้ว
ปรากฏว่าดันมีนกอื่นมาจิกเจาะเกาะรั้ง จนทำให้เราพลาดกับสิ่งที่อุตส่าตั้งตารอล่ะ
....
สิ่งเหล่านี้..จะเรียกว่าเป็นข้อดีหรือเปล่า
...
จริงๆแล้วผมเชื่อว่า...
คนโบร่ำโบราณคงไม่ได้ตั้งใจจะฟันธงว่าวิธีนี้ดีที่สุดหรอกครับ
แต่ท่านเชื่อว่าเราๆคงจะเอาไปปรับใช้กันเองได้
โดยใช้สมองกลั่นกรอง ตามแต่สถานการณ์
...
...แต่ถ้าเกิดผมบอกว่า
มีคนคนนึง..บอกกับผมกับผมอย่างนี้ล่ะ
....
...เค้าหมายความว่ายังไง
...เค้าต้องการจะบอกอะไรกับผม
...ไม่มีใครรู้
...ไม่มีใคร...
นอกเสียจาก..ตัวผมเอง..
ที่ต้องใช้สมองกลั่นกรองดู
....
และผมเชื่อว่า..
คำตอบที่ปลายทางสุดท้าย
จะหอมหวานอย่างที่สุด...
...
(อันนี้ผมหลอกตัวเองครับ)
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น