31 มกราคม 2551

...น้ำที่กินไม่หมด...

วันนี้ผมมีเรื่องดีๆ มาเล่าให้ฟังครับ...

ปกติในช่วงเย็นของทุกๆวัน ตัวผมเองจะไปวิ่งจ๊อกกิ้งที่สวนลุมพินีกับแฟน จากนั้นก็กินข้าวเย็นด้วยกันแล้วผมก็จะกลับบ้าน โดยจะไปขึ้นรถไฟฟ้าที่มาบุญครองเพื่อไปต่อรถที่อนุสาวรีย์ กิจวัตรของผมในช่วงเย็นจะเป็นแบบนี้ซ้ำๆทุกวัน มีความสุขตามอัตภาพ สุขที่ได้ออกกำลัง สุขที่ได้กินข้าวเย็น กับคนที่เรารัก และก็สุขกับทุกอย่างที่มันดำเนินไปอย่างปกติ
...แต่วันนี้มันต่างออกไป
เหตุการณ์มันเกิดขึ้นหลังจากที่ผมล่ำลากับแฟนอย่างหวานชื่น
...เดินมาที่สถานีรถไฟฟ้าสนามกีฬาแห่งชาติ....
...แลกเหรียญ
...กดปุ่มเลือกสถานี และ...
...เริ่มหยอดเหรียญ....
แกร๊ก...(เสียงเหรียญแรกถูกกลืนกินโดยเครื่องขายตั๋ว)

....Excuse me….Kid…

บางประโยคที่มีสำเนียงแปร่งหูดังขึ้นพร้อมๆกับจังหวะที่ผมกำลังจะหยอดเหรียญที่สอง
...ผมหยุด...และหันกลับไปดู
สายตาของผมไปกระทบกับคู่สามี ภรรยาชาวต่างชาติคู่หนึ่ง ซึ่งสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นแหล่งที่มาของเสียง ประเมินจากภายนอกคาดว่าน่าจะมีอายุราวๆ 50 ปี กำลังยืนยิ้มแก้มปริอย่างใจดีอยู่ข้างหลังผม พร้อมๆกับยื่นแผ่นพลาสติกชิ้นสี่เหลี่ยมเล็กมาให้
ซึ่งผมมาทราบหลังจากที่รับมันมาแล้ว ว่ามันคือ..

...ตั๋วรถไฟฟ้า...จำนวนหนึ่งใบ...

คุณลุงกับคุณป้าชาวต่างชาติบอกผมว่า...

...ไม่ต้องซื้อตั๋วหรอกพ่อหนุ่ม...เอาของลุงไปใช้เถอะ พร้อมกับยิ้มให้
ส่วนคุณป้าก็เสริมว่า...เราถึงที่พักแล้ว เราไม่ได้ใช้มันแล้วล่ะ พร้อมกับส่งรอยยิ้มมาสมทบ

ผมเอง ยืนงงอยู่เพราะสำเนียงที่ไม่คุ้นหู(ส่วนประโยคที่แปลมาให้ฟังนี้ คือความคิดของผมหลังจากที่นั่งทบทวนอยู่นานสองนาน)(ฮา)

หลังจากที่ได้สติแล้ว ผมจึงกล่าวขอบคุณคุณลุงและคุณป้าไปว่า...

Thank you very much..... Thank you very much.....

พร้อมกับรอยยิ้มกว้าง ซึ่งคุณลุงและคุณป้าก็ทำตัวเป็นเหมือนกระจกที่สะท้อนยิ้มนั้นกลับมาหาผม
เพียงแต่มันมากขึ้นเป็นสองเท่า เท่านั้นเอง แล้วท่านทั้งสองก็เดินจากไป ส่วนผมที่ไม่ค่อยมั่นใจในทักษะการแปลของตัวเองก็เดินเอาตั๋วไปให้คุณพนักงานแสนสวยช่วยเช็คให้อีกที ซึ่งเธอแจ้งกับผมด้วยน้ำเสียงสุภาพว่า

...ตั๋วนี้ใช้ได้ไม่จำกัดจำนวนรอบนะคะ แต่ว่าใช้ได้ถึงแค่เที่ยงคืนเท่านั้นค่ะ...

เธอยื่นตั๋วคืนผมพร้อมกับส่งยิ้มให้ ซึ่งผมก็ยิ้มตอบและก็สอดบัตรผ่านเครื่องกั้นเข้าไปข้างในชานชาลา ในตอนนั้นเองผมแอบเห็นรอยยิ้มของคุณพนักงานและก็พี่พนักงานรักษาความปลอดภัย มันเป็นรอยยิ้มที่น่ารัก ที่มักจะเห็นได้บนใบหน้าของผู้คนที่เห็นคนกำลังช่วยเหลือกัน ซึ่งผมก็ยิ้มให้คนทั้งคู่ ไม่นานนัก รถไฟก็มา ชั่วแวบแรกผมคิดว่า

..วันนี้โชคดีจัง ได้นั่งรถฟรี งั้นเราลองนั่งจากหมอชิต ไปอ่อนนุชซักเจ็ดสิบแปดรอบดีมั้ยนะ คุ้มดี ...

เดชะบุญที่ชาติที่แล้วผมคงทำดีมาบ้าง ผมจึงได้สติล้มเลิกความคิดแบบนั้น แล้วก็มุ่งหน้าไปอนุสาวรีย์ตามเส้นทางชีวิตปกติ

...สถานีต่อไป อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ...next station victory monument...

แค่ชั่วอึดใจผมก็ถึงจุดหมายปลายทาง ได้กลับบ้านซะที แต่จะทำยังไงกับตั๋วใบนี้ดี ทีแรกว่าจะเก็บไว้เป็นที่ระลึกว่าครั้งนึงเราเคยโชคดีแบบนี้ด้วย แต่คิดไปคิดมาแล้วรู้สึกว่า มันจะดีกว่ามั้ยถ้าผมเอาตั๋วใบนี้ไปทำประโยชน์ให้กับคนอื่นๆอีก น่าจะสมกับความตั้งใจที่คุณลุงกับคุณป้าได้ให้ไว้
ผมจึงไปยืนรอแล้วก็มอบตั๋วใบนี้ให้กับผู้โดยสารท่านอื่นอีกต่อหนึ่ง ซึ่งสิ่งที่ผมได้รับคือรอยยิ้มกว้างและคำขอบคุณ อย่างที่ผมเคยยิ้มและพูดให้เจ้าของบัตรมาก่อน
...นี่สินะความรู้สึกของสองคนนั้นตอนที่ยื่นบัตรให้ผม อืม..มันช่างน่าประทับใจเสียจริง


....ผมนั่งรถกลับบ้าน พร้อมใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม...


... พลางนั่งคิดเปรียบเทียบไปว่า
...ถ้าเกิดบัตรรถไฟฟ้าในนี้เปรียบเสมือนน้ำเปล่าหนึ่งขวดที่คุณลุงกับคุณป้าซื้อมาแก้กระหาย และทั้งสองคนก็อิ่มแล้ว ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะเก็บไว้ จะทิ้งซะก็ได้ ถือไปก็หนัก พอดีในตอนนั้นมีหมูอ้วนหิวโซอย่างผมเดินผ่านมาพอดี แทนที่จะทิ้งท่านคงคิดว่าให้ไอ้หมูตัวนี้กินแทนดีกว่า มันจะได้ไม่ต้องไปซื้อกิน(หมูที่ไหนซื้อของได้ด้วย?) ถึงแม้มันจะเหลือไม่เยอะแล้ว แต่หมูตัวเล็กๆก็น่าจะกินอิ่ม
หมูอย่างผมจึงได้อานิสงส์กินอิ่ม สบายใจ ไม่เสียตังค์(หมูมีตังค์ซะด้วย) แถมยังเหลือไปถึงเพื่อนกระรอกตัวน้อยที่เดินผ่านมาอีกด้วย ถึงจะเหลือไม่เยอะ แต่กระรอกตัวเล็กๆก็น่าจะกินอิ่ม และอาจจะเหลือเผื่อแผ่ไปถึงเพื่อนตัวน้อยอื่นๆที่อยู่ระหว่างทางอีกก็ได้ ประโยชน์อันมากมายที่เกิดจากน้ำเพียงแค่ขวดเดียว

...จะเกิดอะไรขึ้นถ้าคุณลุงกับคุณป้าเลือกที่จะทิ้ง แทนที่จะเอามาให้หมูหิวอย่างผม(หมูก็เสียตังค์อ่ะดิ)(ฮา)

...จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหมูอย่างผมกินอิ่ม แล้วเอาน้ำที่เหลือมาสาดเล่นแทนโคลน
(นั่งรถเที่ยวหมอชิต-อ่อนนุชเจ็ดสิบแปดรอบ)

...กระรอกน้อยตัวนั้นก็คงหิวโซต่อไป
...ก็แค่นั้น

......แต่ถ้าเกิดว่าวันนี้คือวันสุดท้ายที่มันจะมีชีวิตโดยปราศจากน้ำล่ะ

สิ่งเหล่านี้จะไม่มีทางเกิดขึ้น เพียงแค่เรารู้จักที่จะแบ่งปันสิ่งที่เรายังเหลืออยู่ ภายหลังจากการเติมสิ่งนั้นให้ตัวเองจนเต็มแล้ว ให้กับผู้อื่นบ้าง แทนที่มันจะกลายเป็นขยะที่ไร้ค่าไร้ความหมาย

... ใครจะรู้ว่าสิ่งเล็กน้อยที่”ไร้ค่า”สำหรับเรา อาจจะเป็นสิ่งยิ่งใหญ่ที่แสน”ล้ำค่า”สำหรับคนอื่นก็เป็นได้

จากเศษน้ำที่เหลือใช้...กลายเป็นน้ำวิเศษที่ช่วยต่อชีวิตให้ผู้อื่นได้อย่างไม่รู้จบสิ้น...เพียงแค่ใช้มันอย่างรู้ค่า

หรือนี่คือสิ่งที่เรียกว่า....

....”น้ำใจ”....

3 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เราก็เคยได้รับตั๋วจากคนอื่นเหมือนกัน


แล้วเวลาที่เราใช้ตั๋ววัน


ใช้เสร็จก็ให้คนอื่นต่อ


รอยยิ้ม เสียงขอบคุณ จากคนคนหนึ่งที่เราไม่ได้รู้จักกันมาก่อน

มันช่างมีความสุข สบายใจดีจริง ๆ ครับ



Hey...Happy จัง ^-^

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

อ่ะโห้ดีจังเลยเพ่ปอนด์นนนนนถ้ามีคนแบบนี้เยอะๆก็ดีสิค่ะบนสถานีBTSก็จะมีแต่รอยยิ้มกะความจิงใจ^O^ หนับหนุนๆๆค่ะ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เขียนได้ดีจัง อ่านเพลินไปเลย

เรื่องราวที่เอามาบอกเล่า ก็น่ารักมาก ๆ ซึ้งเนอะ "น้ำใจ"