มีคนเคยบอกว่า...
ก่อนที่เราจะออกกำลังกาย....
การที่เราจะทานอาหารเบาๆซักประมาณ 30 นาที
จะช่วยให้เราไม่เหนื่อยจนเกินไปนัก...
ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่า..เป็นข้อเท็จจริงประการใด
....ด้วยความที่เรียนมาทางสายวิทยาศาสตร์
ผมจึงไม่ยอมให้ความสงสัยนั้นอยู่นิ่ง
โดยปกติแล้วผมจะไปวิ่งที่สวนลุมพินีกับน้องรักเป็นประจำทุกเย็น
วิ่งวันละสองรอบ ได้ระยะประมาณ 5 กิโลเมตร(อ้างอิงจากตัวเลขบอกระยะที่พ่นไว้ที่พื้น)
ถือว่าเป็นระยะทางที่ไม่มากและก็ไม่น้อยจนเกินไปนัก...
...แต่ผมอยากวิ่งได้มากกว่านี้...อยากทำระยะให้ได้มากกว่านี้..เลยลองปรึกษาน้องดูว่า...
เห็นว่า...ถ้าเราทานอาหารก่อนเราจะเหนื่อยน้อยลง..
ซึ่งถ้าสมมติฐานนี้ถูกต้อง...ถ้าเกิดผมกินอาหาร..แล้ววิ่งให้เหนื่อยเท่าเดิม
...มันน่าจะได้ระยะทางที่มากขึ้น...ช่างสมเหตุสมผลดีแท้
ผมกับน้องมีความเห็นตรงกัน....อื้อออออออออออออ
จะรออะไรล่ะ...คำตอบรออยู่ตรงหน้าแล้ว
เย็นนั้น...ผมจัดแจงไปซื้ออาหารเบาๆมาสองอย่าง...
..นั่นคือ...ถั่วแปบและขนมต้มวังหลังอันเลื่องชื่อ(ของโปรดน้องผม)
ซื้อมาอย่างละกล่อง...ได้อาหารเบาๆสมใจ
พร้อมกับเปลี่ยนเสื้อผ้า เป็นชุดเตรียมวิ่งอย่างทรหด ดูเป็นนักกีฬาแสนเท่
แล้วก็ตรงดิ่งไปที่สวนลุมทันที....
สภาพโดยรวม..เราสองคนดูเป็นนักวิ่งที่ดูดีใช้ได้...อาจเพราะพอจะมีทักษะด้านกีฬากันอยู่บ้าง
จะแปลกก็ตรงที่...
เสื้อผ้าก็นักกีฬา...รองเท้าก็นักกีฬา...แต่ดันถือถุงที่ใส่ถั่วแปบและขนมต้มกล่องใหญ่ พร้อมกับน้ำเปล่าอีกหนึ่งขวด
ขัดตาพิลึก...แต่เราก็ไม่ใส่ใจ...ใช่สิ..ก่อนที่กาลิเลโอจะได้รับการยอมรับก็ต้องยอมถูกมองว่าแปลกมาก่อน...อื้อออ
เราจึงตกลงกันว่าวันนี้ จะกินอาหารกันก่อน แต่ยังไม่รู้ว่าจะกินตอนไหนและกินยังไง
ใจผมทีแรกกะว่า...จะเดินวอร์มก่อนหนึ่งรอบ..เพื่ออุ่นเครื่อง...แล้วก็กินกันไประหว่างทาง...
น่าจะเป็นการกินไปย่อยไป...ดูเข้าท่าดี
แต่ก่อนที่ผมจะได้พูดอะไร...
น้องผมก็หันมาถามว่า....เราจะไม่กินกันก่อนเหรอ พี่ปอนด์?(ตาใสปิ๊ง)
อืม...(ผมครุ่นคิด)
...น้องเรานี่ใช้ได้แฮะ...คงอยากรู้คำตอบของเรื่องข้างต้นเอามากๆ...ถึงกับไม่รอเดินก่อนซักรอบ....สมกับที่เรียนสายวิทย์มา...
อืม...จ้ะ...กินกันก่อนก็ดีเหมือนกัน(ผมพูดพร้อมแสดงท่าทางเห็นด้วย)
เลยคิดว่าเราน่าจะนั่งกินกันบนเก้าอี้ยาวสีเขียวข้างทาง...(ใครเคยไปสวนลุมฯคงจะนึกออก)
แต่ดูน้องผมจะใจร้อนกว่านั้น...บอกว่าไปนั่งตรงนั้นดีกว่ามั้ย พี่ปอนด์? พลางชี้มือไปที่ม้านั่งรอบกระบะต้นไม้รูปวงกลม แล้วก็เดินนำไปก่อน
....โอว...น้องผมช่างมีความตั้งใจจริงเสียเหลือเกิน...ทำอะไรต้องทำจริงสินะ...จะบอกพี่อย่างนี้ใช่มั้ย..
พอถึงที่หมาย..เรานั่งทั้งคู่นั่งหันหลังให้ถนน...ถนนที่มีแต่คนที่แต่งตัวแบบเรา..กำลังวิ่งอย่างมุ่งมั่น...เหงื่อโชกไปทั้งตัว
แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เราหวั่นไหว...กับการทดลองในวันนี้...เราเตรียมใจมาดี...
นาทีนั้นผมกำลังจะหันไปหาผู้ร่วมอุดมการณ์...เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้แก่กันและกัน...
ภาพแรกที่ผมเห็น....
น้องรักของผม...กำลังค่อยบรรจงหย่อนถั่วแปบชิ้นเขื่อง เข้าไปในปากอย่างช้าๆ เงียบเชียบและแสนจะเยือกเย็น
เพียงแค่ไม่กี่วินาที ถั่วแปบใหญ่ยักษ์นั้นกลับหายตัวไปในช่องมืด ขอบสีชมพูสด(หรือที่เราเรียกว่าปากนั่นแหละ)อย่างไม่มีวันหวนคืน...
จากนั้นน้องก็มองมาที่ผมด้วยตาที่เป็นประกายกว่าทุกวัน...พร้อมกับคำพูดปลุกใจให้ฮึกเหิม...ว่า...
"..พี่ปอนด์.........................อร่อยอ่ะ"
อืม...ช่างเป็นกลุ่มคำที่สร้างกำลังใจดีแท้.....ผมแอบนั่งซึ๊งอยู่ลึกๆ
แต่น้องรักของผมไม่ยอมหยุดความซาบซึ้งไว้แค่นั้น...
....เธอค่อยๆทยอยลำเลียงถั่วแปบแสนนุ่มชิ้นโตอีกหลายชิ้น เข้าไปที่ช่องทางเดิมอย่างใจเย็น
ผมเองก็ทานเข้าไปบ้างเหมือนกัน...จนเราทั้งคู่รู้สึกว่า...อืม....น่าจะพอแล้วนะ
เรายิ้ม...และสื่อสารกันด้วยตา......."ไปพิสูจน์สมมติฐานกัน"
โดยไม่ต้องมีคำพูดใดๆหลุดลอยออกมา...เราทั้งคู่เรื่มออกวิ่ง...
วิ่ง...วิ่ง...และก็วิ่ง.....
เราวิ่งจนอยู่ในระยะที่แตกต่างจากทุกวัน.....ไม่น่าเชื่อ!!!!
....................ว่าเรา............."จุก".....................
"พี่ปอนด์...น้องปวดท้องอ่ะ....น้องจุก" น้องผมทำหน้าเหยเก
อืม...ก็แน่นอนดิ...ซัดเข้าไปซะขนาดนั้น เอ๊ยยยยย....ไม่ใช่!!
ผมหมายถึงว่า เราอาจวิ่งเร็วเกินไป ไม่สัมพันธ์กับอาหารที่อยู่ในท้องก็เลยจุก(เหอๆๆ)
เราเลยตกลงกันว่าจะเดินสลับกับวิ่งไปเรื่อยๆ เพื่อให้ความจุกคลายลง แล้วค่อยวิ่งกันต่อ
ไม่นานนัก ความจุกเริ่มจางหาย เราก็เลยวิ่งกันได้อย่างปกติ
และแน่นอนว่า...
...วันนี้เราวิ่งได้มากกว่าเดิมหนึ่งกิโลเมตร!!!!....ไม่น่าเชื่อ!!!
หลังจากวิ่งเสร็จเราคุยกันถึงการทดลองวันนี้ว่า...สมมติฐานดังกล่าวนั้น น่าจะพอมีความเป็นไปได้จริง
ผมและน้องมีความเห็นตรงกันว่า.......ถ้าจะให้ชัวร์เราควรต้องลองทดลองอีก แต่ต้องลองเปลี่ยนตัวแปร เพื่อหาอาหารที่เหมาะสมที่สุด
เราจึงตัดสินใจว่า...ครั้งหน้า...เราจะไม่กินถั่วแปบกับขนมต้มอีกแล้ว...
แต่จะเปลี่ยนมาเป็น...
"...ปลาช่อนเผาเกลือกับไก่ย่างสักไม้"ท่าจะดี
และที่จะลืมไม่ได้เลยคือ...
คราวหน้า...ผมจะเอาเสื่อมาด้วย(เต็มที่กันไปเลย)
...ถ้าเกิดเพื่อนๆที่วิ่งอยู่ในสวนลุมฯ สังเกตุเห็นนักวิ่งสองคนที่แต่งตัวโคตรสปอร์ต กำลังนั่งซัดปลาช่อนกันอย่างดุดันและจริงจัง.....
....ก็ไม่ต้องตกใจนะครับ...นั่นล่ะ...คือ"พวกเรา"
"....รับรองได้.....ว่าพวกเราไม่ทำร้ายคน"
...
...
...เหอๆๆๆๆๆ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น