04 มกราคม 2551

ชีวิตนึงเกิดมาแล้ว

ชีวิตนึงเกิดมาแล้ว.....
ต้องใช้มันให้เต็มที่..และรู้จักใช้อย่างคุ้มค่า...
ถ้าคิดว่ามันคุ้ม...(คุ้มหรือไม่คุ้ม..ไม่มีใครรู้นอกจากตัวเราเอง)
ก็ทำไป...อย่าท้อ...
แน่นอนว่าอุปสรรคคงมากมายนัก...
แต่ผลลัพธ์ที่ปลายทาง...มันก็หอมหวานและเป็นสิ่งที่เราต้องการที่สุดมิใช่หรือ
เราอาจจะเสียใจกว่านี้มั้ย...ถ้าไม่เลือกที่จะทำ

หลายครั้ง หลายคราว ที่ไม่มีใครมาเข้าใจ...
เพราะธรรมชาติของคน มักเลือกมองแต่ที่ผลตอนสุดท้าย...เสมอ
ไม่มีใครมาร่วมรับรู้กับเราหรอกว่า...ที่ผ่านมา...
เราเจอกับอะไรมาบ้าง...
ไม่มีใคร...

ถ้าเรื่องที่เค้าไม่เห็นด้วย มันกลายเป็นดีในที่สุด...
...อย่างมากก็คงได้แต่พูดว่า...
...เรามองนายผิดไปจริงๆ...ไม่น่าเชื่อเลย...

แต่ถ้าเป็นเรื่องเดียวกัน......แต่มันล้มเหลว
คนเหล่านั้นก็คงได้แต่พูดว่า...
ก็เราบอกนายแล้ว....นายไม่ฟัง
แล้วตอนนี้จะไปโทษใคร...

จะโทษใครล่ะ...ไม่เห็นมีใครต้องโทษเลย
ในเมื่อการตัดสินใจมันเกิดจากเราเอง...
เราก็ต้องยอมรับมันเอง...
ไม่เห็นจะต้องไปมองหาเลยว่า...จะโทษใครดี

เพราะอะไร หลายคนถึงชอบไปตัดสินคนอื่นว่า...ดี..หรือ...ไม่ดี
ทำไมคนเหล่านั้น..ถึงได้คิดว่า...ตนจะฉลาดรอบรู้ถึงขนาดไปหยั่งรู้จิตใจของคนอื่นได้
แล้วไอ้ที่รู้...คิดว่ารู้จริงๆได้ยังไง...อะไรทำให้มั่นใจขนาดนั้น

แค่ภาพๆเดียวคนสองคนก็ยังมองแล้วรู้สึกต่างกันเลย
โดยรวมอาจดูคล้าย..แต่ในรายละเอียดนั้น..มันแตกต่าง

เพราะคนเราจะสะท้อนความรู้สึกออกมา โดยอาศัยกระบวนการกลั่นกรองในอดีต ว่าอะไรที่มันดี"สำหรับเค้าบ้าง"
หรือ"ไม่ดีกับเค้าบ้าง"เพื่อใช้ในการดำเนินชีวิตต่อไปของเค้าเอง
ซึ่งนั่นไม่ได้หมายความว่า...
ความคิดแบบนั้นมันจะดีหรือไม่ดีกับคนอื่นเสมอไป...
ทั้งนี้มันขึ้นอยู่กับพื้นฐานในอดีตของแต่ละคน...ว่าแตกต่างกันแค่ไหน

เช่น คนที่ผิดหวังกับความรักซ้ำซาก อาจบอกว่าความรักเป็นยาขม ซึ่งนั่นมันก็จริง"สำหรับเค้า"
แต่สำหรับคนที่มีความสุขกับรักที่สดใสอยู่ตลอดเวลา ก็ต้องมองว่า ไม่ว่ามุมไหน"รัก"ก็เป็นเรื่องที่แสนดี"สำหรับเค้า"เสมอ
แน่นอนว่า สองคนนี้คุยกันไม่ได้...เพราะคิดไม่ตรงกัน แต่ก็ไม่มีใครผิดและไม่มีใครถูก ต่างคนต่างเจอสิ่งที่แตกต่างกัน
เพราะงั้นถ้าไม่ทำใจให้เป็นกลาง...ก็ไม่มีวันที่เข้าใจ จิตใจของคนอื่นหรอกครับ

ฉะนั้น...เราไม่สามารถเอาความรู้สึกของเราไปเป็นบรรทัดฐานบอกกล่าวกับคนอื่นได้หรอกครับว่า"ดี"หรือ"ไม่ดี"
..อย่างมากก็ทำได้แค่ ให้ข้อมูลในอีกมุมมองนึงเท่านั้น ว่าไอ้ที่เราโดนเป็นยังไง...
ถือเป็นการให้ข้อมูลเพิ่มเติม..เพื่อใช้ในการตัดสินใจ...ก็เท่านั้นเอง
อย่าคาดหวัง...อย่าโน้มน้าว...
เพราะนั่นคุณกำลังจะให้อีกคนนึงมาเชื่อในสิ่งที่คุณกำลังคิดไปคนเดียว
ซึ่ง...นั่นมันไม่ดีเลย...

ทุกคนที่โตขึ้นและคิดเองได้แล้ว...ควรจะต้องยอมรับกับการตัดสินใจของตัวเองให้ได้...
เพราะนั่น...มันแสดงถึงวุฒิภาวะของการเป็นมนุษย์
ที่จะค่อยๆทำให้ได้เรียนรู้ว่า...อะไรเหมาะกับเค้าที่สุด...อะไรควรทำที่สุด
การที่เราไปบังคับให้เค้าต้องตัดสินใจตามเรา...นั่นถือเป็นเรื่องที่แย่(การพูดกดดัน ก็ถือเป็นการบังคับทางอ้อม)
เพราะในที่สุดถ้ามันพลาดขึ้นมา....เค้าจะไม่เหลืออะไรเลย
เพราะเค้าเชื่อคุณ...(เชื่อเพราะไว้ใจคุณ...ว่าคุณคงคิดดีแล้ว...และรู้อะไรดีแล้ว)
แต่มันก็พลาด...คุณคิดพลาด
คุณก็จะมีคำพูดอันสวยหรูไว้แก้ต่างเสมอว่า...
เราไม่คิดว่านายจะ......ขนาดนี้
(ถ้าไม่รู้แล้วจะมาโน้มน้าวให้เชื่อหาอะไรวะ!!!!!!)...เสมอ...

คำถามสุดท้าย...

แล้วเค้าจะทำยังไง...

ตอนนี้กลายเป็นคนโง่

โง่ตั้งแต่เริ่มเชื่อ...

(ทั้งๆที่เวลาประเมินว่าดีหรือไม่ดี เค้าก็ใช้ใจตัวเองประเมิน.....เพราะเค้ารู้ดีที่สุดว่าเค้ารู้สึกยังไง)
(แต่ก็กลับไปเชื่อคนอื่น...ที่ต่อให้รู้มากยังไง ก็ไม่มีทางจะรู้มากเท่าตัวเค้าเองหรอก...ซะงั้น)

แน่นอน...โทษใครไม่ได้หรอกครับ

ต้องโทษตัวเอง...

ก็ไปเชื่อเค้าเองนี่นา...

ผมบอกแล้วไม่เชื่อ

(ไม่ต้องเชื่อผมนะ)

(เหอๆๆ)

ไม่มีความคิดเห็น: