04 มกราคม 2551

คำพูดคือพันธนาการ...จริงหรือ?

ทุกคนคงเคยมีแฟน...มากกว่าหนึ่งคนใช่มั้ยครับ
เอ่อ....
ผมหมายถึงว่า...ตั้งแต่โตมาน่ะครับ(แหม่..ค้อนกันเชียว)
เคยมีแฟนมาแล้วหลายคนใช่มั้ย...
เพื่อนรักของผมคนนึง...
ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องของ อดีต กับ ปัจจุบันไว้
ประมาณว่า...ตอนนี้สมมตืว่าผมกำลังรักคนคนหนึ่งอยู่...
ผมก็บอกเค้าว่า....รักเค้ามาก...รักมากที่สุดในโลก....
แต่ก่อนหน้านี้...
ผมก็เคยพูดประโยคนี้กับแฟนคนก่อนเหมือนกัน....
รวมถึงแฟนคนก่อนๆอีกด้วย....
...นี่มันถือว่า...ผมเป็นคนไม่จริงใจมั้ย...หรือว่าพูดกับใครก็ได้...หรือเปล่า?
อืม....ที่จริงแล้ว..ผมไม่อยากคิดนะ...
แต่คิดไปคิดมา....มาลองวิเคราะห์กันดูซักตั้งก็น่าจะดีเหมือนกันนะ
...ว่าไอ้ที่ผมทำอยู่ มันถือเป็นเรื่องที่ไม่จริงใจมั้ย

ว่าด้วยเรื่องของความรักแล้ว...
เวลาที่เรารักใครแล้ว...เราก็ควรจะรักเค้าตลอดไปหรือเปล่า...
และไม่สามารถรักคนอื่นได้อีกเลยหรือเปล่า....
อืม...
เพราะถ้าเราถือว่า คำพูดนั้น..เป็นเรื่องที่สำคัญมาก
..มันก็น่าจะมีเหตุผลมากพอ ที่จะไม่ต้องรักใครอีกเลย
ไม่ว่าความรักที่มีอยู่จะดีหรือร้าย...เราก็ยังต้องรัก รัก และรัก
...เพราะว่าเราได้พูดไปแล้ว...อย่างนั้นหรือ?
อืม...หรือว่า...
ในเมื่อคำพูดนั้นมันสำคัญมาก...
งั้นเอางี๊...ถ้าเกิดยังไม่แน่ใจ...ก็ยังไม่ต้องพูด...ไม่ต้องบอก...ศึกษากันให้แน่ใจซะก่อน
....ถ้าคิดว่าใช่แล้ว....ก็ค่อยบอก
อือฮึ....ก็เป็นความคิดที่เข้าท่าดี

...แต่ว่า

...แล้วเมื่อไหร่ล่ะ..ที่เราจะรู้...ที่เราจะแน่ใจ
และที่สำคัญ...เราจะรู้ได้ยังไงว่า เราแน่ใจแล้วจริงๆ
ในเมื่อยิ่งรู้จักกันนานก็ยิ่งรู้สึกต่างไป เพราะเราจะได้รู้อะไรมากขึ้นเรื่อยๆ
และอีกอย่างที่สำคัญกว่านั้น คือ....จะมีใครรอเรามั้ย...อืม....
นั่นสินะ...น่าคิด

สำหรับผมแล้ว....
การที่ผมจะรักใครซักคนนั้นถือเป็นเรื่องยากมาก
เพราะผมไม่ได้ออกตามหา...
ผมเลือกที่จะรอ...ให้คนคนนั้นก็เดินเข้ามาในชีวิตผมก่อน...
หรือหลายคนอาจเรียกมันว่า...ความบังเอิญ
เค้าอาจจะแค่ผ่านมา แล้วก็ผ่านไป แต่อย่างน้อย...
การที่คนสองคนที่ไม่ได้รู้จักกันมาก่อน...อยู่ๆก็ได้มาร่วมทางกันแป๊บนึง..ก็ถือเป็นเรื่องที่แปลกแล้ว
แน่นอนว่า...ในชีวิตนี้เราจะเจอะเจอกับเหตุการณ์แบบนี้นับครั้งไม่ถ้วน...แล้วใครล่ะ
นั่นสิ...แล้วใครล่ะ....

...ถึงเวลามันก็รู้เอง...

ผมเชื่ออย่างนั้น

แล้วถ้าเกิดวันหนึ่งเรารู้แล้ว....เราจะทำยังไง
ในเมื่อโอกาสที่มันจะเจอก็ยากอยู่แล้ว...
อุตส่าห์เจอแล้ว จะปล่อยเค้าผ่านไปเฉยๆงั้นเหรอ
โดยมัวกังวลอยู่กับคำพูดเดิมๆที่เคยพูดไปแล้วกับคนก่อนงั้นเหรอ....
ผมไม่คิดอย่างนั้นแน่....ไม่มีทาง!!!!

การที่เราจะรู้จักใครซักคน แล้วจะสามารถบอกได้ว่า เค้าคือคนที่เหมาะกับเราที่สุดแล้วตลอดไปในชีวิตนี้ เราจะไม่รักใครอีกแล้วในชีวิตนี้อย่างจริงจัง
สำหรับผม....มันเป็นไปไม่ได้...
เนื่องจาก...
กระบวนการเรียนรู้ของคนเรานั้นขึ้นอยู่กับเวลา และปริมาณข้อมูลที่ได้รับ ซึ่ง....
ยิ่งนานมาก ก็ยิ่งได้เรียนรู้มาก....คนเรายิ่งอายุมากขึ้น...ก็จะคิดได้มากขึ้น...กว้างขึ้น...อย่างไม่รู้จบ
เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าในอนาคต...เราจะคิดยังไง ความคิดเราจะเปลี่ยนไปมั้ย
เพราะ เราไม่สามารถควบคุมสิ่งต่างๆรอบตัวได้ทั้งหมด...
ถ้าไม่เชื่อลองนึกดูเล่นๆว่า...ความคิดในวัยเด็กของคุณเปลี่ยนไปแค่ไหนเมื่อคุณโตขึ้น...
คุณอาจเคยอยากเป็นหมอ โตขึ้นจะได้รักษาพ่อแม่ แต่ทำไมโตขึ้นมาถึงเปลี่ยนใจซะล่ะ...ตอบตัวเองได้มั้ย
แน่นอนว่า...ตอนนั้นคุณยังรู้ไม่พอ
แล้วทำไมตอนนี้..ถึงคิดว่าตัวเองรู้อะไรมากพอแล้วล่ะครับ...
คุณไม่มีทางที่จะรู้ได้เท่าตัวคุณเองในอีกสิบปีข้างหน้าหรอก
ไม่อย่างนั้น...เราอาจจะต้องรักเพื่อนสมัยอนุบาลไปตลอดชีวิต...เพราะตอนนั้นเรารักเค้าไปแล้ว...(หรือไม่จริง)(ฮา)
หลายคนอาจหาทางออกให้ตัวเอง ด้วยเหตุผลที่ว่าตอนนั้นยังเด็กอยู่ ยังไม่รู้อะไร...
ซึ่งไม่ต่างอะไรเลยกับคุณเองในตอนนี้...คุณก็คือเด็กคนหนึ่ง เมื่อเทียบกับตัวคุณเองในวันข้างหน้า
เพราะฉะนั้น เราควรจะเครียดกับคำพูดของตัวเราเองในตอนนี้หรือ?

สำหรับผมแล้ว...
ทางออกของผม...อาจดูไม่สวยหรู
อาจดูว่า...ผมปฏิเสธความรับผิดชอบในคำพูดของตัวเอง...(ที่เมื่อก่อนเคยพูดไป)
อาจดูว่า...ผมบอกรักกับใครก็ได้...(กับแฟนคนที่หนึ่งและสอง)

....ช่างมันปะไร....

อย่างน้อย...ผมก็ไม่เคยหลอกตัวเอง...
ไม่เคยโกหกความรู้สึกของตัวเอง...
รู้สึกยังไงก็บอกอย่างนั้น..
ผมอยู่บนพื้นฐานของโลกแห่งความจริง...
ที่ชีวิตเราต้องเดินไปข้างหน้าทุกวัน....
กับคนที่ผมรัก....(ในปัจจุบัน)
ผมคิดอย่างจริงจังเสมอ...ว่านี่คือคนที่ผมรักที่สุด
และผมก็จะดูแลเค้าให้ดีที่สุดที่ชีวิตของผมจะทำได้
ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้น...เค้าก็จะเป็นคนสุดท้าย ที่จะร่วมใช้ชีวิตไปด้วยกันกับผม...
นั่นก็เพราะผม"รัก"เค้า

แต่"ความรัก"เป็นเรื่องของคนสองคน ที่มีเงื่อนไขเรื่องการปรับตัว การทำความเข้าใจและยอมรับซึ่งกันและกันเข้ามาเกี่ยวข้อง
มันจะยาวนานหรือแสนสั้นไม่มีใครบอกได้...ขึ้นอยู่กับคนทั้งคู่ว่าจะประคับประคองมันไปได้ไกลแค่ไหน
ดังนั้น..ถ้าคุณบอกรักใคร..มันจึงไม่ได้หมายถึงว่าคุณจะต้องรักเค้าไปตลอดชีวิต
แต่มันขึ้นอยู่กับคุณและเค้าว่าจะ"เข้าใจ"กันได้แค่ไหนต่างหาก
แล้วก็ที่สำคัญอีกเรื่องก็คือ...ถ้าเกิดว่าทุกอย่างมันก็ราบรื่นดี คุณจะยังรักษา"ความรัก"ของคุณไว้ได้หรือเปล่า

ผมจึงคิดอย่างนี้เสมอ...เสมอมา....กับทุกคน โดยไม่เคยที่จะกังวลเลยว่าวันข้างหน้าผมจะยังรักเค้ามั้ย?
(เพราะวันนี้แค่ผมรู้ตัวดีว่ารักเค้ามากๆ...นี่น่าจะสำคัญที่สุดแล้ว)
ใครจะไปรู้ว่า...วันนึงเค้าอาจจะกลายเป็นเอเย่นขายยาอีและค้าเนื้อสดอย่างเลือดเย็น อย่างที่คุณคงรักไม่ลง
(ซึ่งแน่น่อนว่า...ในตอนนั้นหลายคนต้องพยายามสรรหาเหตุผลมาแก้ต่างให้ตัวเอง....ว่าเลิกเพราะอย่างนั้นอย่างนี้นะ)
(เพื่อที่ตัวองจะได้พ้นผิด...ที่ไม่รักษาคำพูด)
(ทั้งๆที่จริงแล้ว...มันไม่ได้ต่างกันหรอกครับ(ในกรณีที่ยึดถือคำพูดเป็นหลักอ่ะนะ))

ซึ่งถ้ามันเป็นแบบนี้แล้ว...

"จะไปคิดในเรื่องที่คุณเองไม่มีวันที่จะควบคุมมันได้ทำไม...."

จะมัวไปกังวลกับแค่คำพูดเพียงไม่กี่คำทำไม?....มันสำคัญแค่ไหนกัน...
...สิ่งที่สำคัญที่สุด..มันคือการทำในสิ่งที่ดีๆให้คนที่คุณรัก..มีความสุขไม่ใช่เหรอ
ด้วยเหตุนี้แหละ...มันเลยทำให้...ผมไม่เคยลังเลที่จะทำทุกๆอย่างให้อีกฝ่ายได้รู้สึกดี
โดยปราศจากความกังวลใดๆทั้งสิ้น...
เพราะเราไม่รู้ว่า...อนาคตข้างหน้ามันจะเป็นยังไง...จะดีหรือร้าย...จะช้าหรือเร็ว
สู้ตอนนี้...ทำดีให้เยอะๆๆ...ให้มีแต่เรื่องดีๆ...มีแต่ความรู้สึกดีๆ
อยู่กับ"ปัจจุบัน"ให้มากที่สุด
ใหนๆก็ได้มีโอกาสมาเจอกันแล้ว...
ทำดีให้มันสุดๆเท่าที่คุณจะทำได้...ไม่ดีกว่าเหรอ
ไม่แน่นะ...ผมว่า...
บางทีแล้ว...ไอ้เรื่องดีๆที่คุณทำอย่างจริงใจนี่แหละ
มันจะเป็นตัวที่ช่วยฉุดรั้งความสัมพันธ์ที่ดีไว้ให้ยาวนาน
เป็นยาสมานเวลาที่มีรอยร้าว...ในวันที่จะเกิดปัญหา
ซึ่งถ้าไม่ทำไว้ตั้งแต่ตอนนี้...ปล่อยจนเกิดเรื่อง...
ถึงตอนนั้นมันก็ไม่ทันแล้วล่ะครับ...
เพราะความ"รัก"ไม่สามารถสร้างขึ้นได้เพียงชั่วข้ามคืนหรอก
ถึงตอนนั้นก็ต้องมานั่งเสียใจว่า...ตอนนั้นน่าจะทำดีให้มากกว่านี้
...ซึ่งเรื่องอย่างนี้ไม่เห็นจะดีตรงไหน

จริงอยู่ที่ว่า...เราควรหันกลับไปมองอดีตบ้าง แต่นั่นก็เพื่อเก็บเอาความผืดพลาดมาแก้ไขให้มันดีขึ้น
เอาอดีตมาเป็นบทเรียน..เพื่อที่มันจะไม่มีวันเกิดขึ้นซ้ำสองอีกไม่ใช่เหรอ
...นี่น่าจะเป็นประโยชน์ของการกลับไปมองอดีตที่ผ่านมาแล้ว
แต่ถ้าเราจะเอาอดีตมาทนทุกข์และหลอกหลอนตัวเอง...
(แต่แน่นอนว่า..ผมไม่ทุกข์และไม่หลอนหรอก...เพราะผมเต็มที่กับมันมาตลอดอยู่แล้วนี่นา)
นอกจากจะไม่มีอะไรดีขึ้นมาแล้ว...ยังเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์
...แทนที่จะเอาไปทำเรื่องดีๆให้มันเกิดขึ้น
จะมาเสียเวลาจมอยู่กับอดีตทำไม..
เชื่อเถอะครับ...ถ้าคุณทำสิ่งดีๆ ด้วยเจตนาที่ดี...
ยังไงก็ตาม มันจะต้องเกิดผลดี ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
ถ้าเกิดชีวิตคุณดี คนรอบตัวคุณก็จะรู้สึกดีๆไปด้วย
คนรอบตัวพวกเค้าก็จะรู้สึกดีไปอีกเป็นทอดๆ อย่างไม่รู้จบ
อยากให้สังคมดี...เริ่มต้นง่ายๆที่ตัวคุณเองนะครับ


"ความรัก"สำหรับผมมันไม่ใช่ว่าคุณจะต้องคบกับสิบปีถึงจะรักกันได้
"ความรัก"
มันเป็นเพียง"น้ำหล่อเลี้ยง"ที่จะช่วยกระตุ้นให้คุณ
อยากจะทำแต่สิ่งดีๆให้กับคนที่คุณรัก
เป็น"สายใย"ยึดเหนี่ยวให้คุณกลับมาง้อกันเวลาที่คุณทะเลาะ
และ
"ความรัก"
อาจเป็นสิ่งสุดท้ายที่จะทำให้คุณมีความสุขสุดท้ายก่อนที่จะสิ้นลม
เห็นมั้ยครับ...
ว่า"ความรัก"มันเป็นเรื่องที่ดีแค่ไหน
มันทำให้โลกนี้น่าอยู่ขนาดไหน

ฉะนั้น...อย่าไปกังวลกับ"ความรัก"ที่เป็นแค่ตัวหนังสือหรือแค่คำพูดเลยนะครับ
ว่ามันจะทำให้คุณดูจริงใจหรือเปล่า...เป็นแค่คำพูดที่พร่ำเพรื่อหรือเปล่า
ซื่อตรงกับความรู้สึกแล้วทำมันออกมาด้วยหัวใจของคุณ
แค่นี้....ความสุขมันก็ปูพรมไปในทุกๆที่แล้ว
"รัก"กันเข้าไปเถอะนะครับ
(ยังไงมันก็ดีกว่ามานั่ง"ทุกข์"แน่นอน..เนอะ)
(ยิ้ม)

ไม่มีความคิดเห็น: