04 มกราคม 2551

สมองปรู๊ดด เพราะดูดหู

เหอๆๆๆๆ ...เมื่อไม่กี่วันมานี้..
ผมเพิ่งไปซื้อหูฟังคู่ใหม่ เอามาไว้ดูหนัง ฟังเพลงจากโทรศัพท์ เวลาที่ต้องเดินทางไกล
นอกจากจะใช้เดินทางแล้ว ก็ยังใช้ฟังเวลาที่วิ่งออกกำลังตอนเย็นด้วยเป็นบางครั้ง
ผมซื้อมาจากมาบุญครอง...คู่ละเกือบห้าร้อยบาท(จริงๆแล้วราคานี้ก็ไม่ได้ถูกนะเนี่ย)
เป็นหูฟังแบบ"อิน เอียร์"(หรือแบบที่เป็นจุกยางยัดเข้าไปในหูนั่นเอง)ของโซนี่
ตอนทดสอบเสียง...อืม..คุณภาพเสียงก็อยู่ในเกณฑ์ที่ค่อนข้างใช้ได้นะ
ดี ดี ดี ทุกอย่างดูเหมือนจะดี จะราบรื่น จนมาวันหนึ่ง...
วันที่ผม...ลองเอามันมาฟังเพลงจากโน๊ตบุ๊ค

อืม....เสียงดีครับ...เสียงใสเชียว...เสียแต่ว่า...

....มันดูดหูผมครับ!!!!!!!!

อืม...ฟังแล้วหลายท่านอาจจะนึกไปถึงฉากอีโรติกในหนังหลายเรื่อง
..ที่พระเอกกับนางเอกกำลังโรมรันพันตู ดูดหูกันอย่างดื่มด่ำ(ไม่เกรงกลัวขี้หูกันเล๊ยยยย)
ไม่ใช่ครับ!!!!...(ขอโทษที่ต้องทำลายมโนภาพของท่านที่กำลังเคลิ้ม...แหม่ ตาลอยเชียวนะ)
ไอ้ที่ดูดหูผมน่ะ...ไม่ได้หมายถึงว่า หูฟังมันเกิดมีชีวิตแล้วมาพิศวาทใบหูน้อยๆของผมจนอดใจไม่ได้หรอกนะครับ
แต่ไอ้ที่มันดูดอ่ะ คือ "ไฟฟ้า"ครับ ไฟฟ้าที่วิ่งมาตามสายที่เสียบเข้าโน๊ตบุ๊คนั่นแหละครับ
ดูดได้ดูดดี...ไม่ยอมหยุดเลย...
ส่วนผมน่ะเหรอครับ...ก็ตกอยู่ในสภาพจำยอม ไม่มีทางขัดขืนได้(เสียวแปล๊บๆที่ใบหูตลอดเวลา) ต้องปล่อยให้ไอ้ไฟเจ้ากำดูดอย่างเมามัน
เหอๆๆๆ...ไอ้ครั้นจะทิ้ง แล้วไปซื้อใหม่ก็เสียดายตังค์(ตั้งห้าร้อยแน่ะ...เอาไปเลี้ยงถั่วแปบวังหลังน้องดีก่า)(ที่สำคัญเพิ่งจะซื้อมาแท้ๆเลย)

ผมเลยลองแก้ปัญหาที่ตัวเองดู....โดยคิดในมุมกลับดูบ้าง

อืม..จะว่าไปตั้งแต่เกิดมา ผมก็ยังไม่เคยโดนไฟดูดหูซักที อืม...ไม่แน่นะ มันอาจจะมีความหฤหรรษ์ที่เราไม่รู้ซ่อนอยู่ก็ได้...ใครจะรู้
ก็เลยเลือกที่จะลองซะก่อน....
แต่ลองได้ซักพัก..อืม...เริ่มไม่ไหวแฮะ

...ดูมันจะหฤหรรษ์ตลอดเวลาเลย(เหอๆๆๆ)

เอาวะ...ตัดใจซื้อใหม่แล้วกัน....

(แต่แล้ว...ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้น)

อืม...การที่จะซื้อใหม่เนี่ย..มันง่ายนิดเดียว ทำเมื่อไหร่ก็ได้
เราจะไม่ลองแก้ปัญหาดูก่อนเหรอ...ธรรมชาติสร้างสมองมนุษย์ให้คิดแก้ปัญหาเป็น...ต่างจากสัตว์อื่น
จะไม่ใช้คุณสมบัติอันแสนวิเศษนี้ก่อนเหรอ...
ถ้าไม่เวิร์ค...ก็ค่อยไปซื้อใหม่ก็ได้นี่นา

อืม...จริง....นั่นสินะ

จากนั้น..ผมเลยเริ่มมาดูที่ปัญหา ว่ามันดูดหูผมเพราะอะไร
อืม...เพียงแค่แว๊บเดียวที่เอาปัญหามานั่งวิเคราะห์...
...ในที่สุดผมก็รู้สาเหตุแล้ว ผมได้คำตอบแล้ว

...คือ ในรูปแบบการดีไซน์ของหูฟัง มันมีส่วนที่เป็นโลหะเปลือยอยู่เพื่อเพิ่มความสวยงาม และเป็นจุดที่ไม่มีฉนวน
ไฟมันเลยเล็ดลอดออกมาจากบริเวณนั้น...แค่นั้นเอง

วิธีแก้ก็แค่...ทำยังไงไม่ให้ส่วนนั้นมันมาโดนหูผม...แค่นั้น

ซึ่งเรามีสองทางเลือกคือ...
หนึ่ง...ใส่แบบไม่ให้ส่วนนั้นโดนหู(อืม...ฟังดูยากจัง...ใส่หูฟังแบบไม่ให้โดนหู...ดูเป็นบทกวียังไงไม่รู้)
และสองคือ หาอะไรมาปิดมันไว้ซะ (อืม..จะยากมั้ยเนี่ย)

ทางเลือกแรกดูยุ่งยากและไม่ถาวรเกินไป ผมเลยเลือกทางที่สอง...นั่นก็คือ หาอะไรมาปิดมันซะ ไม่ให้มันโดนหูผมได้อีก...
แต่จะทำยังไงล่ะ...ไม่ให้มันดูน่าเกลียด...อืม...ไม่ยาก(ต้องคิดว่าไม่ยากไว้ก่อนนะครับ)

(พื้นฐานของการคิดอย่างสร้างสรรค์ คือ ต้องคิดว่าคำตอบที่ดีนั้นมีอยู่มากมาย เราแค่ต้องมองมันให้เห็น และเลือกเอาคำตอบที่เหมาะสมที่สุดมาใช้ ..เท่านั้นเอง)

ด้วยความที่เรียนมาสายออกแบบ....นี่เลยไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรนัก
เอาความรู้เรื่องการออกแบบผลิตภัณฑ์มาใช้...บวกกับวัตถุดิบที่มีอยู่รอบตัว

เหอๆๆ......แล้วในที่สุดผมก็ได้หูฟังคู่ใหม่ที่ไม่ดูดแล้ว ที่ทำจากหูฟังจอมดูดอันเดิมบวกกับเทปกาวอีกนิดหน่อย ที่หน้าตาพอใช้ได้ทีเดียว แถมไม่ต้องไปเสียเงินซื้อใหม่อีกต่างหาก

...ถือเป็นชัยชนะของเราเชียวนะครับ...ที่แก้ปัญหาได้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีนะครับ

เห็นมั้ยครับว่า...สมองคนเรามีศักยภาพมากมายขนาดไหน
ยิ่งเวลาที่เจอปัญหาด้วยแล้วล่ะก็...ถ้าเกิดเราเอาชนะมันไปได้นะครับ..สมองของคุณก็จะยิ่งเก่งขึ้นไปอีก

ฉะนั้น เวลาที่เจอปัญหาไม่ว่าเรื่องอะไร ใหญ่หรือเล็ก ก็ให้คิดอยู่เสมอว่า มันมีทางแก้อยู่แล้วนะครับ
เพียงแค่นี้เราก็ไม่ต้อง"หา"ทางแก้อีกต่อไป
...เราแค่จะต้อง"เลือก"ทางแก้ที่มันดีที่สุดเท่านั้นเอง

จำไว้นะครับ...แค่"เลือก"เท่านั้น

ง่ายๆเพียงแค่นี้เอง...ชัยชนะมันก็จะอยู่ข้างๆคุณตลอดไปแล้วครับ

...สู้ๆกันเข้าไว้นะครับ...

...ขอพลังจงสถิตย์อยู่ในตัวทุกคนครับ...

...(ยิ้ม)...




เหอๆๆ....ถั่วแปบนุ่มลิ้น....หอมกลิ่นมะพร้าวฝอยคละเคล้ากับถั่วเหลืองสดใหม่
เรียกน้ำย่อยได้ดีจริงๆๆ....เง้อออออออออออออออออออออออออออออออ

ไปวิ่งกั๊นนนนนนนนนนนนนนนนนนน....(จากโครงการ ว.พ.ก.น.ป.)(ย่อมาจาก)(โครงการ วิ่งเพื่อกำจัดนมเนยและถั่วแปบ)(เหอๆๆๆ)(ยิ้ม)



ไม่มีความคิดเห็น: