09 มกราคม 2551

ข้อดีและข้อเสีย ของอาการ"ชิน"ในมนุษย์


...ชินจัง...ชินจัง...ชินจัง...ชินจัง...

เวลาที่เราได้ยินคำนี้ คุณๆจะนึกถึงอะไรครับ...
แน่นอนว่า กว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์น่าจะอดไม่ได้ที่จะนึกถึง...ไอ้เด็กหัวรูปเมล็ดถั่ว จอมทะลึ่งแสนทะเล้น ที่มักสร้างเสียงหัวเราะให้เราแทบทุกครั้ง

แน่นอนว่าผมก็เป็นหนึ่งในนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย...แต่นั่นมันเมื่อนานมาแล้วครับ...

ทุกวันนี้ ถ้าเมื่อใดที่ผมบังเอิญไปได้ยินประโยคนี้....."ชินจัง"......
ภาพแรกที่เกิดขึ้นในห้วงความคิด มักจะเป็นภาพของเด็กสาววัยรุ่นที่กำลังแสดงกิริยาอาการของการ"ชิน"กับอะไรบางอย่าง
ท่วงท่าและสีหน้าของเธอไม่ได้บ่งบอกชี้ชัดว่า...เธอพอใจหรือไม่พอใจกับการ"ชิน"ครั้งนี้
แต่ทุกครั้งที่ภาพเหล่านี้ปรากฏขึ้นในสมอง...ผมเองอดที่จะคิดไม่ได้ว่า ไอ้ความ"ชิน"ของมนุษย์นั้นมันช่างแสนมหัศจรรย์พันลึกเหลือเกิน

ทำไมน่ะเหรอครับ...

...ก็ลองคิดดูเล่นๆนะครับว่า ถ้าคนเราไม่รู้จักชินกับอะไรบางอย่างที่มันแย่ลงแล้วล่ะก็...เราจะสามารถดำรงชีวิตต่อไปได้ยังไง
ยกตัวอย่างเช่น..

...อุณหภูมิของโลกที่กำลังร้อนขึ้นเรื่อยๆในตอนนี้ ถ้าเทียบกับเมื่อยี่สิบปีก่อนแล้วล่ะก็ อุณหภูมิขนาดนี้คงทำให้เราขาดใจตายไปนานแล้ว
ขนาดช่วงนั้นก็ถือว่าร้อนมากแล้ว และที่สำคัญคือมันค่อยร้อนขึ้นมาเรื่อยๆ แต่เราก็ทนกันได้ เพราะว่าเรา"ชิน"

...ภาวะรถติดของกรุงเทพฯ ที่แต่ก่อนดูจะเป็นปัญหาที่ใหญ่มาก มาถึงทุกวันนี้ปริมาณรถก็ยังมียอดเพิ่มขึ้นอย่างถล่มทลายในขณะที่ถนนเพิ่มขึ้นนิดหน่อย
แน่นอนว่าปัญหารถติดต้องยิ่งเพิ่มมากขึ้นอีกเป็นทวีคูณ แต่เราก็ทนกันได้ นั่นก็เพราะว่าเรา"ชิน"

และยังมีอีกมากมายหลายตัวอย่างที่ยกมาเขียนได้เป็นร้อยหน้า...แต่ไม่เขียน(อยากรู้อ่ะดิ)(เหอๆ)

จากตัวอย่างที่ยกมานั้น จะเห็นว่าโดยส่วนใหญ่แล้วอาการ"ชิน"โดยมาก มักจะเป็นกระบวนการแก้ภาวะความอึดอัดทางอารมณ์ โดยการค่อยๆเกลี่ยความรู้สึกอึดอัดให้เป็นเรื่องธรรมดาในที่สุด
แต่ก็มีบางครั้งที่อาการ"ชิน"นั้นเกิดจากการปรับตัวทางระบบชีววิทยา เช่น...
...คนที่เป็นกุ๊กจะต้องโดนน้ำมันกระเด็นใส่ตลอดเวลา ทีแรกก็ร้อน แต่พอนานเข้าก็เริ่มชินเริ่มไม่รู้สึก
...หรืออย่างเช่นคนที่ต้องเดินเท้าเปล่าตลอดเวลา ที่พอนานเข้าเค้าก็จะไม่รู้สึกเจ็บ คือ นอกจากเค้าจะชินกับความเจ็บปวดแล้ว ที่ฝ่าเท้าเค้าก็ยังหนาขึ้นเพื่อให้เดินได้ง่ายขึ้นอีกด้วย....

จะเห็นได้ว่า อาการ"ชิน"ก็คือระบบการปรับตัวทั้งทางร่างกายและก็จิตใจ ให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง เพื่อที่จะให้มนุษย์ผู้นั้นสามารถดำรงชีวิตต่อไปได้อย่างปกติสุข

เท่าที่ยกตัวอย่างมาบางส่วนนั้น จะเห็นว่า อาการ"ชิน"ช่างมีข้อดีและคุณประโยชน์เหลือคณานับกับมนุษย์เราเสียเหลือเกิน...
...แต่นั่นมันเพียงด้านเดียวที่เราเห็น....แท้ที่จริงแล้ว อาการ"ชิน"ก็มีข้อเสียที่น่ากลัวอยู่เหมือนกัน

ข้อเสียที่ว่านั้นก็คือ การ"ชิน"กับอะไรที่ดีๆ จนเป็นปกติ พอนานเข้าเราก็จะรู้สึกว่ามันช่างแสนจะธรรมดา และแสวงหาความพึงพอใจแห่งใหม่อย่างไม่รู้จบสิ้น

ข้อเสียอันนี้ มันเกิดขึ้นเนื่องจากว่า...ระบบการสร้างความเคยชินของมนุษย์นั้นจะเริ่มต้นขึ้นก็ต่อเมื่อ เมื่อใดที่เราต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่คงเดิมเป็นเวลานาน
หรือต้องพบเจอกับเรื่องราวหรือเหตุการณ์ซ้ำๆอยู่ตลอดเวลา โดยไม่ได้มีการจำแนกว่าเรื่องใดควรจะ"ชิน"และเรื่องใดไม่ควรที่จะ"ชิน"

ดังนั้นในหลายเหตุการณ์ในชีวิตประจำวันของเราจึงถูกความ"ชิน"บ่อนทำลาย

ยกตัวอย่างเช่น เวลาที่เราได้ของเล่นใหม่ รถใหม่หรืออะไรก็ตามที่ใหม่ สังเกตว่า เราจะเอาใจใส่มันอย่างที่สุด ดูแลมันอย่างดีที่สุด คิดถึงมันมากที่สุด
แต่พอนานเข้าเราก็จะเริ่มเบื่อ เริ่ม"ชิน"กับความใหม่นั้นจนกลายเป็นความรู้สึกที่แสนธรรมดาน่าเบื่อหน่าย และหาเรื่องอื่นที่สดใหม่กว่ามาทดแทน
นี่เป็นตัวอย่างที่เกิดขึ้นกับสิ่งของที่มันไม่มีความรู้สึก ...

...แต่ลองคิดดูว่า ถ้าเกิดเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นกับความรักและกับคนที่คุณรักล่ะ ...จะเกิดอะไรขึ้น...

...ถ้าวันนึงคุณรู้สึกเฉยๆกับคนที่คุณรัก หรือแม้แต่ตัวคุณเองก็อาจกลายเป็นก้อนเนื้อก้อนเก่าที่ปราศจากความตื่นเต้นเร้าใจ รอวันถูกเขี่ยทิ้ง

..แน่นอนว่ามันคงไม่ดีแน่ ไม่ดีกับใครเลย

...และที่สำคัญก็ คือ เราไม่ควร"ชิน"กับเรื่องพวกนี้เลย

เท่าที่กล่าวมาทั้งหมดนั้น ตัวผมไม่ได้ต้องการที่จะมาเปรียบเทียบว่า ไอ้ข้อดีและข้อเสียของอาการ"ชิน"นี้ อันใหนจะมากกว่ากัน
เพียงแต่ต้องการยกตัวอย่างให้เห็นถึงธรรมชาติของระบบการทำงานของมันก็เท่านั้น เพื่อที่ว่าในที่สุด...เราจะได้รู้เท่าทันตัวเอง
และเอามันมาปรับใช้เพื่อความสมบูรณ์ในชีวิต...

...มันจะดีแค่ใหน ถ้าเราพยายามทำทุกวันให้แตกต่าง ใส่ใจในความซ้ำ และรักกันเหมือนเพิ่งเจอกันวันแรก...โดยไม่ยอม"ชิน"กับสิ่งเดิม

...มันจะดีแค่ไหน ถ้าเวลาที่เราเกิดทุกข์ เราก็พยายาม"ชิน"กับความทุกข์นั้น จนมันเบาบางลงไปในที่สุด

...มันจะดีแค่ใหน ถ้าเราสามารถ"ชิน"หรือ"ไม่ชิน"กับสิ่งที่เหมาะสมได้

...เพราะถ้าเราทำได้จริง ความทุกข์ต่างๆที่เคยมีจะค่อยๆหายไป และความสุขที่เรามีก็จะยิ่งเพิ่มพูน

เพราะฉะนั้น มาเริ่มกันตั้งแต่วันนี้นะครับ...

อย่าเพิ่ง"ชิน"ไปซะก่อนนะครับ

(ยิ้ม)



ปล.ตอนนี้ตัวผมเองมีเรื่องที่ไม่สบายใจและทุกข์ใจกับมันมาก แต่ผมจะไม่ยอม"ชิน"กับมันหรอกครับ
เพราะผมเชื่อว่า บางครั้งความเจ็บปวดและทรมาน มันก็คืออาการที่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของบางเรื่อง บางคน ที่เราให้ความสำคัญกับเค้ามากๆ
มันคงจะแย่มาก ถ้าเกิดเรา"ชิน"กับเรื่องแบบนี้ เพราะถ้ามันเป็นแบบนั้นจริง นั่นหมายความว่า..ความสำคัญของเค้าเริ่มจะหายไปแล้ว
...ซึ่งเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้จริงๆ...
แต่ก็เอาเถอะครับ...ไม่ต้องเป็นห่วง...ตัวผมเองนั้น นอกจากจะทนเหมือนแรดแล้ว ก็ยังแรดเหลือทนอีกด้วยนะครับ เหอๆๆ

ไม่มีความคิดเห็น: