10 มกราคม 2551

...ช่วงเวลาในอุดมคติ...

....เคยได้ยินประโยคที่ว่า....
...."ช่วงเวลาในอุดมคติ"....
....กันมั้ยครับ....

ผมเชื่อว่า..หลายคนน่าจะเพิ่งได้ยินเป็นครั้งแรก
ซึ่งก็ไม่แปลกหรอกครับที่จะเป็นอย่างนั้น
เพราะว่าผมเพิ่งคิดมันขึ้นมาเมื่อครู่นี้เอง...

เมื่อสองวันที่ผ่านมา...
ผมได้มีโอกาสไปพักผ่อนสมองครั้งแรก ในรอบหลายๆปี
เป็นการพักผ่อนที่ไม่มีงานอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง...

...หัวโล่ง...ใจโล่ง...ตัวเบา...

เหมือนกับว่าความเครียดมันหนีไปพักร้อน หลังจากที่ทำงานหนักมาทั้งปี

การเที่ยวแบบของผม ไม่มีอะไรยุ่งยาก ไม่มีแผนการเดินทาง ไม่มีตารางเวลาในการไปที่ต่างๆ
ผมแค่ไปอยู่นิ่งๆ....นิ่งๆ.....และก็นิ่งๆ
...อยากไปไหนก็ไป...อยากทำอะไรก็ทำ...ถ้าเกิดขี้เกียจขึ้นมา ก็ไม่ไปเอาดื้อๆ...ใช้ชีวิตอย่างที่อยากจะใช้...
...อาจฟังดูไร้สาระ และน่าเบื่อหน่ายสำหรับบางคน
...แต่สำหรับผมแล้ว...มันมีรสชาติของ"อิสระ"อยู่อย่างเต็มเปี่ยม
...แม้ว่าจะเป็นช่วงสั้นๆ...
...แต่เวลาที่เราร้อนจากไอแดดที่แผดเผา...ขอเพียงแค่ได้เข้าไปอยู่ในร้านขายของที่ติดแอร์ซักพัก
...ชีวิตก็สดชื่นขึ้นเป็นกองไม่ใช่หรือ...

..การไปพักผ่อนครั้งนี้...ให้อะไรที่ดีๆหลายอย่าง...
...ได้พูดในเรื่องที่ไม่เคยพูดกับใครมาก่อน(โล่งเลย...ตัวกลวงโบ๋)
...ได้รู้ในเรื่องที่ไม่เคยรู้เยอะมาก(ทำให้หลายเรื่องที่เคยแคลงใจชัดเจนขึ้น)
...ได้ตลกกับบางเหตุการณ์ที่ตื่นเต้น...ยังกะในหนังเลย(เหอๆๆๆๆ)(แหม่แหม...คุณพี่ใส่แว่นล่ะก็..ทำไปได้)
...ได้เสียใจและเป็นทุกข์ทรมานกับหลายเรื่อง(บวมและใสกันเลยทีเดียว)(ไม่ต้องหัวเราะ)
...และก็ได้ดีใจและมีความสุขมากๆกับหลายๆเรื่องเช่นกัน...
...ซึ่งดูเหมือนน้ำหนักมันจะเทลาดมาทางข้อสุดท้ายซะมาก...ถึงมากที่สุด

...บางครั้ง...
...การที่เราได้รู้อะไรเยอะขึ้น...แม้มันอาจต้องแลกมากับ...(อืมมมม)...คางวัวในความฝัน...
...แต่มันก็ช่วยเติมให้...ภาพในความคิดชัดเจนขึ้น...
...ซึ่งพอมันชัดเจนแล้ว..อะไรก็ง่ายขึ้น...เห็นขอบเขตว่าทำได้แค่ไหน....
...ไม่ต้องไปต่อเติมเองในจินตนาการ..ที่อาจจะคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงเยอะ...

...ถือเป็นการพักที่ดีที่สุดตั้งแต่ก้าวย่างเข้าสู่ทางสายใหม่

...ทุกสิ่งทุกอย่างที่ดีๆ สะท้อนและฝังลึกไว้ในกระดาษผิวมันที่จับต้องได้
บางส่วนฝังอยู่ในเศษเหล็กและกระแสไฟฟ้าในกล่องสี่เหลี่ยม
ไว้เพื่อเป็นบทย่อให้ระลึกถึง ยามที่กำลังใจเกิดภาวะวิกฤต
ถึงกระนั้นเรื่องราวทั้งหมดนั้นก็ยังได้ถูกบันทึกไว้ในจุดที่ไม่มีวันลบออกไปจากชีวิตของคนคนนึงได้อีกด้วย
เพื่อจะได้แน่ใจว่า..สิ่งดีๆเหล่านั้นมันจะคงอยู่ตลอดกาลและไม่มีวันหายไปไหน....

..."ช่วงเวลาในอุดมคติ"...
....คือ..ช่วงเวลาที่....
...คนเรา...มีอะไรก็พูดกันตรงๆ...บอกกันตรงๆ...แสดงออกอย่างไร้มารยา...ไม่มีหน้ากาก...ไม่มีเสแสร้ง...ไม่ทำเพื่อคาดหวังผล...
แต่ทำเพราะอยากทำ...พูดเพราะอยากพูด...แสดงออกเพราะอยากแสดงออก....ด้วยความรู้สึกจากก้นบึ้งของหัวใจ
...โดยอยู่บนพื้นฐานของการไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน...ว่า...
...เราไม่มีเจตนาที่จะทำร้ายกัน...เราเพียงแสดงออกในสิ่งที่เราเป็นและรู้สึกอย่างตรงไปตรงมา...
...ดีหรือไม่ดี ก็สะสางและปรับความเข้าใจกันเดี๋ยวนั้น ไม่ต้องเก็บมันไปให้กลายเป็นหนามแหลมคอยทิ่มแทงใจ...
..มันน่าจะทำให้คนเรา ใช้ชีวิตง่ายขึ้น ยอมรับความจริงได้อย่างแข็งแกร่งขึ้นโดยไม่ไปจมอยู่กับความหวัง ที่ไร้สิ้นแม้แต่เงา ที่เราสร้างขึ้นมาเพื่อปลอบใจตัวเอง
(ทั้งที่จริงมันเป็นเพียงแค่การยืดเวลาให้ความเจ็บปวดมันสะสมเยอะขึ้นจนในตอนท้าย..มันก็จะวนกลับมาทำร้ายเราเองอย่างหนักหน่วงจนไม่อาจต้านทานได้อีกต่อไป)
และเมื่อเรายอมรับความจริงได้ง่ายขึ้นแล้ว...ไม่หลบตัวเองเข้าไปหาความฝันที่ไร้ค่าแล้ว...
ผมเชื่อว่า...ในทุกๆวันมันจะดีขึ้น....คุณค่าในตัวเราจะมากขึ้น...เราจะรักตัวเองมากขึ้น...
และเมื่อสามารถเป็นได้อย่างนี้แล้ว....
...ก็จะไม่มีใครทำอะไรเราได้อีกต่อไป



..."ช่วงเวลาในอุดมคติ"...


...ผมเพิ่งจะผ่านมันมาครับ...

ไม่มีความคิดเห็น: